
แม้ทีมฟุตบอลหญิงญี่ปุ่นจะสร้างความฮือฮา ด้วยการเถลิงแชมป์โลกครั้งแรกแบบพลิกล็อกสุดขีด จนวงการกีฬาหญิงทำท่าตื่นตัวยกใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เกมลูกหนังสำหรับสตรียังไปไม่ถึงจุดนั้น โดยเฉพาะแข้งสาวเจ้าภาพ และในฐานะที่บอลโลกครั้งนี้จัดขึ้นที่เยอรมัน ดังนั้น บล็อก DFOONLINE จึงขอเก็บตกบทความจากนักวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องมาฝากกัน

ก่อนที่ศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกที่ประเทศเยอรมันเป็นเจ้าภาพจะเปิดฉากขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สหพันธ์ฟุตบอลเยอรมัน (เดเอฟเบ) พยายามอย่างยิ่งที่จะประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อและโฆษณา เพื่อให้ศึก เวิลด์ คัพ ของนักเตะแม่เนื้อนิ่มครั้งนี้เป็นที่สนใจของแฟนบอลทั่วโลก แต่ทว่าในความเป็นจริงนั้น บรรดานักเตะสุภาพสตรีในวงการลูกหนังเมืองเบียร์ ยังคงต้องเจอกับปัญหาเรื่องอคติและการเหยียดเพศอยู่เช่นเดิม

หากจะพูดถึงความสำเร็จนั้น ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติเยอรมันไม่มีอะไรต้องพิสูจน์อีกแล้ว เพราะพวกเธอคือแชมป์โลก 2 สมัย แม้ครั้งนี้จะพลาดโอกาสชูถ้วยในบ้านของตัวเองก็ตาม แต่หากจะพูดถึงการปลุกกระแสฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกที่เพิ่งปิดฉากไปนั้น ต้องถือว่าทั้ง เดเอฟเบ และสื่อต่าง ๆ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

ฟุตบอลหญิงในเยอรมัน ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกพอสมควร
ดาเนียล่า ชาฟ คือผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารจากมหาวิทยาลัยกีฬาของเยอรมัน ในเมืองโคโลญจน์ ทีมงานของเธอได้ทำการศึกษาเรื่องความสำคัญของฟุตบอลหญิงในเมืองเบียร์มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และได้ค้นพบสถิติบางอย่างที่น่ากังวล อาทิ เกมฟุตบอลหญิงมีเรตติ้งผู้ชมเกมทางทีวีที่ต่ำเตี้ยติดดิน ยกเว้นว่าจะเป็นเกมใหญ่ ๆ อย่างศึกชิงแชมป์ยุโรปหรือชิงแชมป์โลกเท่านั้น จึงจะเรียกความสนใจของแฟนบอลได้ ขณะที่จำนวนแฟนบอลในสนามก็ยังคงมีแค่หยิบมือเหมือนเดิม โดยบ่อยครั้งที่เกมลีกแม่เนื้อนิ่มในเมืองเบียร์ต้องลงเล่นกันต่อหน้าผู้ชมแค่ราว ๆ 250 คน ขณะที่เกมบุนเดสลีกาของผู้ชายในระยะหลังนั้น มีแฟนบอลเฉลี่ยถึงเกมละ 42,000 คน
แล้วเหตุผลอะไรกันที่ทำให้เกมฟุตบอลหญิงไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรแบบนี้ ? หลายคนอาจได้ยินคำตอบเดิม ๆ นั่นคือ "พวกเธออาจดูน่ารักสวยงาม แต่เกมของพวกเธอมันช้าและน่าเบื่อเกินไป"

เกมของพวกผู้ชาย
ชาฟ ระบุว่าอีกหนึ่งเหตุผลซึ่งฟังดูเป็นเหตุเป็นผลกว่า แต่กลับไม่ค่อยถูกนำมาพูดถึงมากนัก นั่นคือฟุตบอลเป็นกีฬาที่ผู้ชายคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้ผู้ชายเล่น มันถูกสร้างขึ้นมาโดยเอื้อให้กับสมรรถภาพและความบึกบึนของพวกผู้ชายเท่านั้น ดังนั้น เกมของผู้หญิงจึงถูกมองว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกผู้ชายจะสนใจ อันที่จริงแล้วทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงในเกมฟุตบอลถูกจ้องจะกำจัดมานานแล้ว ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ เดเอฟเบ สั่งแบนเกมลูกหนังแม่เนื้อนิ่มในช่วงระหว่างปี 1955-1970 และเมื่อฟุตบอลหญิงกลับมาฟาดแข้งกันได้อีกครั้ง มันก็แทบไม่มีใครที่สนใจจะดูพวกเธอลงสนามเลยด้วยซ้ำ
"ผู้คนยังคงไม่ชอบที่จะเห็นผู้หญิงลงเล่นในเกมของผู้ชาย" ชาฟ กล่าว และบ่อยครั้งที่ทีมงานของเธอพบว่าเหล่านักเตะสุภาพสตรีถูกเหยียดหยามและตกเป็นเป้าหมายของการแบ่งแยกทางเพศ แม้สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นอยู่แค่พื้นที่ส่วนเดียวในสนาม นั่นคือส่วนที่เป็นพื้นที่ของพวกแฟนบอลฮาร์ดคอร์ที่ชอบแหกปากตะโกนร้องเพลงและโบกธงผืนยักษ์เพื่อเชียร์ทีมที่พวกเขารักก็ตาม
มาร์ติน่า นีฟ และ ซาบิเน่ ท็อปเปอร์เวียน คือกูรูลูกหนังที่เป็นสุภาพสตรี พวกเธอเป็นผู้หญิงในเมืองเบียร์แค่ 2 คนเท่านั้นที่ได้ทำงานเป็นคนวิเคราะห์เกมของพวกผู้ชายทางวิทยุ และพวกเธอก็รู้สึกเบื่อที่ต้องถูกถามคำถามที่เหมือนกับว่าพวกเธอต้องเจอกับปัญหามาตลอดในการทำงานท่ามกลางบรรดาเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ชาย ซึ่ง มาร์ติน่า ยืนยันว่าเธอมีสไตล์การทำงานแบบ "มาร์ติน่า นีฟ สไตล์" และไม่เคยลอกเลียนแบบพวกเพื่อนร่วมอาชีพที่เป็นผู้ชายคนไหนเลย
"ฉันทำงานในเกมบุนเดสลีกาของ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต แบบเดียวกับที่ฉันทำในเกมที่ทีมผู้หญิงของแฟร้งค์เฟิร์ตลงเล่นในเกมลีกนั่นแหละ" มาร์ติน่า ยืนยัน
ชาฟ ระบุว่าอีกหนึ่งเหตุผลซึ่งฟังดูเป็นเหตุเป็นผลกว่า แต่กลับไม่ค่อยถูกนำมาพูดถึงมากนัก นั่นคือฟุตบอลเป็นกีฬาที่ผู้ชายคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้ผู้ชายเล่น มันถูกสร้างขึ้นมาโดยเอื้อให้กับสมรรถภาพและความบึกบึนของพวกผู้ชายเท่านั้น ดังนั้น เกมของผู้หญิงจึงถูกมองว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกผู้ชายจะสนใจ อันที่จริงแล้วทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงในเกมฟุตบอลถูกจ้องจะกำจัดมานานแล้ว ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ เดเอฟเบ สั่งแบนเกมลูกหนังแม่เนื้อนิ่มในช่วงระหว่างปี 1955-1970 และเมื่อฟุตบอลหญิงกลับมาฟาดแข้งกันได้อีกครั้ง มันก็แทบไม่มีใครที่สนใจจะดูพวกเธอลงสนามเลยด้วยซ้ำ
"ผู้คนยังคงไม่ชอบที่จะเห็นผู้หญิงลงเล่นในเกมของผู้ชาย" ชาฟ กล่าว และบ่อยครั้งที่ทีมงานของเธอพบว่าเหล่านักเตะสุภาพสตรีถูกเหยียดหยามและตกเป็นเป้าหมายของการแบ่งแยกทางเพศ แม้สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นอยู่แค่พื้นที่ส่วนเดียวในสนาม นั่นคือส่วนที่เป็นพื้นที่ของพวกแฟนบอลฮาร์ดคอร์ที่ชอบแหกปากตะโกนร้องเพลงและโบกธงผืนยักษ์เพื่อเชียร์ทีมที่พวกเขารักก็ตาม
มาร์ติน่า นีฟ และ ซาบิเน่ ท็อปเปอร์เวียน คือกูรูลูกหนังที่เป็นสุภาพสตรี พวกเธอเป็นผู้หญิงในเมืองเบียร์แค่ 2 คนเท่านั้นที่ได้ทำงานเป็นคนวิเคราะห์เกมของพวกผู้ชายทางวิทยุ และพวกเธอก็รู้สึกเบื่อที่ต้องถูกถามคำถามที่เหมือนกับว่าพวกเธอต้องเจอกับปัญหามาตลอดในการทำงานท่ามกลางบรรดาเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ชาย ซึ่ง มาร์ติน่า ยืนยันว่าเธอมีสไตล์การทำงานแบบ "มาร์ติน่า นีฟ สไตล์" และไม่เคยลอกเลียนแบบพวกเพื่อนร่วมอาชีพที่เป็นผู้ชายคนไหนเลย
"ฉันทำงานในเกมบุนเดสลีกาของ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต แบบเดียวกับที่ฉันทำในเกมที่ทีมผู้หญิงของแฟร้งค์เฟิร์ตลงเล่นในเกมลีกนั่นแหละ" มาร์ติน่า ยืนยัน
ผู้ชายครองวงการสื่อ
ชาฟ เผยว่า 92 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ทำงานในแวดวงสื่อกีฬาในเยอรมันเป็นผู้ชาย และรูปแบบของการรายงานข่าวลูกหนังส่วนใหญ่มักจะถูกตัดสินตามมาตรฐานของพวกผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ชาฟ ระบุว่า การที่มีผู้หญิงเริ่มเข้ามาทำงานด้านสื่อในแวดวงลูกหนังแม่เนื้อนิ่มมากขึ้นในทุกวันนี้ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
"เกมของผู้หญิงมักมีมุมที่แตกต่างออกไป" ชาฟ ระบุ "พวกผู้ชายมักจะพยายามเอาเกมของผู้หญิงไปเปรียบเทียบกับเกมของผู้ชายแม้แต่เวลาบรรยายเกม ขณะที่ผู้บรรยายที่เป็นผู้หญิงมักจะมีสมาธิอยู่กับเกมมากกว่า"
ในเกมฟุตบอลของผู้หญิงนั้น ข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงต้องถูกสรุปให้เสร็จสิ้นภายในเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะในการรายงานทางวิทยุ ที่ต้องบรรยายให้เห็นภาพเหมือนผู้ฟังได้นั่งดูเกมอยู่หน้าจอโทรทัศน์ "ในเกมของพวกผู้ชายนั้น เวลาที่ฉันบอกว่า "โพลดอลสกี้ ได้บอล" ฉันย่อมรู้ว่าบอลน่าจะอยู่ทางฝั่งซ้ายของสนาม" มาร์ติน่า อธิบายให้ฟัง "แต่ถ้าฉันบอกว่า "เคิร์สติน เกเรเฟรเกส ได้บอล" ผู้ฟังส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ว่าเธอเป็นนักเตะที่ประจำการอยู่ทางริมเส้นฝั่งขวา ฉันเลยต้องอธิบายให้ละเอียดขึ้นว่าบอลอยู่ตรงไหนของสนาม และใครกำลังครองบอล"
ชาฟ เผยว่า 92 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ทำงานในแวดวงสื่อกีฬาในเยอรมันเป็นผู้ชาย และรูปแบบของการรายงานข่าวลูกหนังส่วนใหญ่มักจะถูกตัดสินตามมาตรฐานของพวกผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ชาฟ ระบุว่า การที่มีผู้หญิงเริ่มเข้ามาทำงานด้านสื่อในแวดวงลูกหนังแม่เนื้อนิ่มมากขึ้นในทุกวันนี้ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
"เกมของผู้หญิงมักมีมุมที่แตกต่างออกไป" ชาฟ ระบุ "พวกผู้ชายมักจะพยายามเอาเกมของผู้หญิงไปเปรียบเทียบกับเกมของผู้ชายแม้แต่เวลาบรรยายเกม ขณะที่ผู้บรรยายที่เป็นผู้หญิงมักจะมีสมาธิอยู่กับเกมมากกว่า"
ในเกมฟุตบอลของผู้หญิงนั้น ข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงต้องถูกสรุปให้เสร็จสิ้นภายในเวลาสั้น ๆ โดยเฉพาะในการรายงานทางวิทยุ ที่ต้องบรรยายให้เห็นภาพเหมือนผู้ฟังได้นั่งดูเกมอยู่หน้าจอโทรทัศน์ "ในเกมของพวกผู้ชายนั้น เวลาที่ฉันบอกว่า "โพลดอลสกี้ ได้บอล" ฉันย่อมรู้ว่าบอลน่าจะอยู่ทางฝั่งซ้ายของสนาม" มาร์ติน่า อธิบายให้ฟัง "แต่ถ้าฉันบอกว่า "เคิร์สติน เกเรเฟรเกส ได้บอล" ผู้ฟังส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ว่าเธอเป็นนักเตะที่ประจำการอยู่ทางริมเส้นฝั่งขวา ฉันเลยต้องอธิบายให้ละเอียดขึ้นว่าบอลอยู่ตรงไหนของสนาม และใครกำลังครองบอล"
ทำตัวให้เองให้ดูฉลาด
ในความเป็นจริง ชาฟ บอกว่านักเตะระดับทีมชาติบางคนก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีในเยอรมัน นักฟุตบอลหญิงรุ่นใหม่มักลงสนามด้วยทรงผมและสีเล็บที่ถูกจัดการมาเป็นอย่างดี พวกเธอพาตัวเองออกนอกสังเวียนแข้งไปอยู่ตามสื่อบันเทิง และนิตยสารแฟชั่นรวมถึงสื่อโฆษณามากขึ้น
ไลร่า ไบรามาจ มิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติเยอรมัน พูดเอาไว้ในโฆษณาของ ไนกี้ ว่า "ถ้าคุณทำให้ตัวเองให้ดูฉลาด คุณก็จะยิงได้เฉียบคมมากขึ้น" บรรดานักฟุตบอลมักจะเป็นที่สนใจของบรรดาสปอนเซอร์อยู่แล้ว และบางทีการมีผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมในเกมฟุตบอลอันหนักหน่วง น่าจะช่วยดึงดูดความสนใจของบรรดาพวกที่คลั่งแต่เกมของพวกผู้ชายได้มากขึ้น และหลังจากศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกจบสิ้นลง คาดกันว่าน่าจะมีแฟนบอลหันมาให้ความสนใจกับเกมลูกหนังของบรรดานักเตะแม่เนื้อนิ่มกันมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ
แต่ท้ายที่สุด ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นเช่นไร ทุกคนก็เห็นกันอยู่แล้ว

แม้ ไลร่า ไบรามาจ ได้เป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์กีฬาชื่อดัง แต่ก็ไม่ทำให้ความนิยมฟุตบอลหญิงเพิ่มขึ้น