วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ประวัติของทีมลิเวอร์พูล และ สนามแอนฟิลด์ Anfield สนามฝึกซ้อมที่ Melwood โรงเรียนฝึกสอน "The Academy" ที่มาของฉายา The Kop



จุดเริ่มต้นที่ถนนแอนฟิลด์

สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งขึ้นวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1892 โดย John Houlding ซึ่งนักธุรกิจท้องถิ่น และว่าที่นายกเทศมนตรีเมืองลิเวอร์พูล เขาเริ่มจากการเช่าพื้นที่บริเวณถนนแอนฟิลด์ ของเมืองลิเวอร์พูลเพื่อสร้างสนามฟุตบอล และได้ปล่อยให้ทางสโมสรเอฟเวอร์ตันเช่าในปีค.ศ. 1884 จนกระทั่งเอฟเวอร์ตันเข้าเป็นสมาชิิกฟุตบอลลีก และไม่ต่อสัญญาเช่าอีกในปีค.ศ. 1892 เนื่องจากเขาต้องการขึ้นค่าเช่าสนามจาก 100 ปอนด์ เป็น 250 ปอนด์ต่อปี และพยายามจะเข้าบริหารงาน ของสโมสร ทางเอฟเวอตันจึงตัดสินใจย้ายไปใช้สนามอีกฝากของสวนสาธารณะสแตนลี่ย์พาร์ค และใช้ชื่อสนามว่า กูดิสัน พาร์ค มาจนถึงทุกวันนี้ และเมื่อสนามไม่ได้ใช้ประโยชน์ John Houlding จึงจัดตั้งทีมฟุตบอลของเขาขึ้นมาเองโดยให้เพื่อนสนิทอย่าง John McKenna มาเป็นประธานสโมสรและตั้งชื่อทีมว่าลิเวอร์พูล ฟุตบอล คลับอย่างในปัจจุบัน

การเริ่มต้นอย่างสง่างาม

หลังจากตั้งสโมสรก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน ลิเวอร์พูลก็โชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอด โดยประเดิมสนามนัดแรกด้วยการเอาชนะทีม Rotherham Town ไปถึง 7-1 อีกทั้งการแข่งขันฟุตบอลลีก ของแคว้นแลงคาเชียร์ ซึ่งสามารถเอาชนะทีม Higher Walton ด้วยสกอร์ 8-0 ที่สนามแอนฟิลด์ โดยลิเวอร์พูลลงแข่งทั้งหมด 22 นัด ชนะถึง 17 นัด และได้แชมป์ไปครอง ส่งผลให้ทางสโมสรสามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีก โดยให้ลงเล่นในดีวิชั่น 2 ก่อน ในฤดูกาล 1893-1894 ซึ่งสโมสรสามารถเก็บชัยชนะได้แบบ 100% (ทั้งหมด 28 นัด) แต่การคว้าแชมป์ลีกดิวิชั่น 2 ในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนชั้นโดยทันที ต้องไปแข่งนัดชิงดำกับทีมอันดับสองก่อน โดยทีมอันดับสองในขณะนั้นคือ ทีมนิวตัน ฮีธ หรือก็คือทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในปัจจุบัน ซึ่งลิเวอร์พูลก็เอาชนะไปได้ 2-0 และได้เลื่อนขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้ในที่สุด ทั้งนี้สโมสรได้เลือกสัญลักษณ์เป็นนกลิเวอร์เบิร์ด ซึ่งเป็นนกแถบทะเลไอริช บริเวญแม่น้ำเมอร์ซี่ โดยที่ปากนกนั้นคาบใบไม้ไว้

บิล แชงค์ลี่ย์

ในช่วงศตวรรษที่ 20-50 ลิเวอร์พูลไม่ใช่ทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างที่คาดไว้ เพราะทีมยังต้องขึ้นๆ ลงๆ อยู่เป็นประจำระหว่างดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 จนในปีค.ศ. 1954 ลิเวอร์พูลต้องลงไปเล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 นานกว่าปกติและก็ยังไม่มีผู้จัดการคนไหนสามารถพาทีมกลับขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 ได้สักที จนเมื่อชายที่ชื่อว่า บิลล์ แชงค์ลี่ย์ เข้ามาคุมทีมได้เพียง 2 ฤดูกาล เขาก็พาทีมขึ้นมาสู่ดิวิชั่น 1 ในฐานะแชมป์ของดิวิชั่น 2 ได้สำเร็จในปีค.ศ. 1962 ซึ่งแชงค์ลี่ย์มีปรัชญาการคุมทีมอย่างง่ายๆ คือ ฟุตบอลแบบพื้นๆ แต่เน้นการส่ง และรับบอล อย่างแม่นยำ เล่นกันเป็นทีมมากกว่า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของทีมลิเวอร์พูลมาจวบจนปัจจุบัน

บ็อบ เพสลี่ย์ ผู้สืบทอดของแชงค์ลี่ย์

แต่หลังจากอังกฤษคว้าแชมป์โลก บิลล์ แชงค์ลี่ย์ ก็ประกาศลาออกจากตำแหน่งในปี 1973 หลังจากพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพได้ในปี 1972 โดยมีบ๊อบ เพสลี่ย์ มีขวาของเขามารับช่วงต่อแทน และบ๊อบใช้เวลาเพียง 4 ปี ในการพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ และในปีต่อมาเขาก็พาลิเวอร์พูลประกาศความยิ่งใหญ่อีกครั้งเมื่อพาทีมคว้าดับ เบิ้ลแชมป์ จากดิวิชั่น 1 และยูโรเปี้ยน คัพ มาครอง อีกทั้งยังคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพมาได้อีก 2 ครั้งในปี 1981 และ 1984 ก่อนที่บ็อบ เพสลีย์จะลาออกจากตำแหน่ง

จาก โจ ฟาแกน ถึง คิง เคนนี่

โจ เฟแกน คือผู้จัดการทีมต่อจากบ็อบ เพสลี่ย์ ซึ่งในการคุมทีมของเขาได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น มีผู้เสียชีวิต 39 คนจากการที่ทีมลิเวอร์พูลแพ้ทีมยูเวนตุส 1-0 จากลูกจุดโทษ ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรเปี้ยน คัพ ที่สนามเฮย์เซล สเตเดี้ยม ในกรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม
ซึ่งทำให้เฟแกนตัดสินใจลาออกจากการคุมทีม ทำให้เคนนี่ ดัลกลิช ผู้เล่นที่ก้าวมาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสร และเขาก็พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ตั้งแต่การคุมทีมปีแรก

ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง

หลังจากในปี 1990 หรือตั้งแต่ดัลกลิช ทนรับความเครียดจากเหตุการณ์เศร้าสลดที่ สนามฮิลส์โบโร่ ได้จึงลาออกจากการคุมทีม จากนั้นมาลิเวอร์พูลก็ไม่ประสบความสำเร็จในลีกสูงสุดอีกเลยไม่ว่าจะเป็นยุค ของแกรม ซูเนส, รอย อีแวนส์, หรือเชรา อุลลิเยร แม้ว่าอุลลิเยร์จะสามารถคว้าทริปเปิลแชมป์ ในปี 2001 คือ League Cup, UEFA Cup และFA Cupัพ แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่ความสำเร็จที่แฟนบอลรอคอยนัก มีดวามเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นในทีม ทั้งวิธีการซื้อนักเตะ รูปแบบการเล่น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลิเวอร์พูลประสบปัญหาในเรื่องฟอร์ม การเล่น

การปฏิรูปครั้งใหญ่ของบินิเตส

ราฟาเอล เบนิเตส ผู้จัดการทีมคนใหม่ที่แฟนๆ หงส์แดงฝากความหวังไว้มากทีเดียว เขาผ่าตัดทีมลิเวอร์พูลครั้งใหญ่ พร้อมทั้งนำทั้งสต๊าฟและผู้เล่นชาวสเปนเข้ามาเสริมทีมหลายคน แม้ผลงานในลีกอังกฤษจะไม่ดีอย่างที่แฟนๆคาดไว้ แต่ผลงานของทีมในระดับประเทศยุโรปนั้นดีมากๆ จากการที่เขานำทีมคว้าแชมป์ UEFA Champions League และในฤดูกาลที่ผ่านมาเขาก็นำทีมคว้าแชมป์ FA Cup 2006 ได้อีกด้วย แถมทีมก็อยู่ในอันดับ 3 ของลีกอีกต่างหาก ส่วนในฤดูกาลนี้จะสามารถคว้าเอาแชมป์พรีเมียร์ชิพแรกของทีมได้หรือไม่..




สนามแอนฟิลด์ Anfield


.
สนามฟุตบอลแอนฟิลด์ ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1884 ซึ่งอยู่ติดๆ กับแสตนลี่ย์ พาร์ค และนัดประเดิมสนามนัดแรกคือ เมื่อวันที่ 28 กันยายน ปีค.ศ. 1884 โดยเอฟเวอร์ตันถล่มเอิร์ลสทาวน์ไป 5-0 ทั้งนี้สนามแอนฟิลด์นั้นเคยให้สโมสรร่วมเมืองอย่างเอฟเวอร์ตันเช่าเพื่อใช้ ในการฝึกซ้อม และทำการแข่งขันจนกระทั่งในปี 1892 เอฟเวอร์ตันก็ย้ายออกไปเนื่องจากความขัดแย้งกันในเรื่องค่าเช่า John Houlding เจ้าของสนามแอนฟิลด์จึงตัดสินใจสร้างทีมใหม่ขึ้นมาเพื่อเล่นที่สนามแห่งนี้ ซึ่งก็คือสโมสรลิเวอร์พูลนั่นเอง
แอนฟิลด์นั้นสามารจุผู้ชมได้ 28,000 คน ซึ่งถือเป็นอัฒนจันท์ยืนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น แต่แล้วในปีค.ศ. 1989 ได้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นที่ฮิลส์โบโร่ และมีผู้เสียชีวิต 96คนส่งผลให้ต้องลดขนาดของสนามและเปลี่ยนจากเป็นอัฒจันทน์แบบยืนเป็นแบบนั่ง ทุกสนามเพื่อความปลอดภัย


สนามฝึกซ้อมที่ Melwood



สนามฝึกซ้อมของนักเตะสโมสรลิเวอร์พูล สถานที่ที่ราฟาเอล เบนิเตส กุนซือชาวสเปนและทีมพลพรรคหงส์แดงใช้ทำการพัฒนา และผลักดันความมุ่งหมายที่จะพาสโมสรกลับขึ้นสู่จุดสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษอีก ครั้ง
โดยคณะผู้บริหารของสโมสรทุ่มเงินจำนวนหลายล้านปอนด์ในการปฏิรูปสนามใหม่ สร้างอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เหล่านักเตะต้องการและมีประโยชน์ในการช่วยให้พวกเขากลับมาสู่ความยิ่ง ใหญ่สูงสุดของฟุตบอลอังกฤษได้
โรงยิมที่ Melwood นี้มีขนาดใหญ่กว่าสนามเดิมถึง 5 เท่า ภายในสนามฝึกซ้อมจะประกอบไปด้วย ห้องสำหรับสื่อมวลชนและห้องประชุม, ห้องแต่งตัว, สิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย, สระว่ายน้ำ, ห้องบำบัดฟื้นฟู, ห้องอาหาร, ยิม, จุดแจกลายเซ็น และห้องการประชุมสำหรับทีมงาน...

โรงเรียนฝึกสอน "The Academy"



สโมสรลิเวอร์พูลคงจะมีเงินจำนวนมหาศาลในการกว้านซื้อนัก เตะที่ดีที่สุดจากทั่วโลก แต่จากการตัดสินใจระดมทุนจำนวนหลายล้านปอนด์เพื่อสร้างโรงเรียนฝึกสอนฟุตบอล ขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะอบรมเลี้ยงดูและพัฒนาความสามารถของเยาวชน อย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การควบคุมของผู้บริหารและผู้เล่นระดับตำนานอย่าง Steve Heighway โรงเรียนฝึกสอนได้กลายเป็นเครื่องมือชั้นยอดสำหรับผู้เล่นระดับเยาวชน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาความสามารถเพื่อตามรอยนักเตะที่ยิ่งใหญ่หลายๆ คน
ทั้งไมเคิล โอเว่น, สตีเว่น เจอราร์ด, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, สตีฟ แมคมานามาน และเจคี่ การาเกอร์ ล้วนเป็นนักเตะคุณภาพที่ก้าวมาจากโรงเรียนฝึกสอนแห่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า...สามารถผลิตและพัฒนานักเตะให้เก่งและมี ชื่อเสียงระดับโลกได้ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ และหวังว่าจะยังมีผลผลิตจากโรงเรียนของลิเวอร์พูลอีกมากมายตามมา
ถึงแม้ว่าโรงเรียนฝึกสอนแห่งนี้จะมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การผลิตนักเตะระดับ เยาวชนให้มีคุณภาพ และก้าวขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ แต่การศึกษาก็เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาของเยาวชนทั้งหลาย โดยที่เด็กๆ ทุกคนต้องเข้าชั้นเรียนทุกวันเพื่อประโยชน์ในการจัดตั้งทีมในอนาคต...


ที่มาของฉายา The Kop



เดอะค็อปนั้น เป็นชื่อที่แฟนบอลลิเวอร์พูลใช้ขนานนามตัวเอง โดยมีที่มาจากเหตุการณ์การทำสงครามบัวร์ช่วงปี ค.ศ. 1900 ที่เนินเขาเดอะค็อปหรือที่คนท้องถิ่นรู้จักกันในนาม สปิออน ค็อป ซึ่งอังกฤษได้ส่งทหารไปกว่า 300 นายโดยส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองลิเวอร์พูล และอังกฤษได้เสียทหารไปเกินกว่าครึ่ง
เออร์เนสต์ เอ็ดเวิร์ตส์ นักข่าวกีฬา ของหนังสือพิมพ์ลิเวอร์พูลเดลี่โพสต์จึงเสนอชื่อ สปิออน ค็อป ให้เป็นชื่อของอัฒจันทน์ตามชื่อเนินเขาลูกนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงและเป็นเกียรติในความกล้าหาญของทหารทั้ง 300 นาย จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ซึ่งอัฒจันทน์นี้กลายเป็นอัฒจันทน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในวงการ ฟุตบอล และได้มีการต่อเติมใหม่ในปี ค.ศ. 1928 ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่มีการแข่งขันของทีมลิเวอร์พูล แฟนบอลที่เข้าไปดูการแข่งขันของทีมบนอัฒจันทน์ ก็จะเรียกตัวเองว่า เดอะค็อป (The Kop)
ในปีค.ศ. 1989 ได้เกิดโศกนาฏกรรมจากการถล่มของอัฒจันทน์ขึ้นที่สนามฮิลส์โบโร่ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไป 96 คน จึงมีคำสั่งให้ทุกอัฒจันทน์เปลี่ยนจากแบบยืนเป็นแบบนั่งทั้งหมด และนั่นเป็นการปิดฉากของอัฒจันทน์ สปิออน ค็อป ไป แต่หลังจากนั้น ก็มีอัฒจันทน์ใหม่และใช้ชื่อว่า นิว ค็อป ซึ่งความหมายและเรื่องราวต่างๆ ของความเป็นเดอะ ค็อปนั้นยังคงเหมือนเดิม..